เผยอานิสงส์จากการแผ่เมตตา แม้ในวันที่เเย่ ชีวิตก็จะกลับมาดีได้
ความหมายและคุณค่าของการแผ่เมตตา
เมตตา หมายถึงความรัก ความปรารถนาดี ต้องการให้มีความสุขความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป โดยปราศจากความอิจฉาริษยา และ หมายถึงความมีไมตรีจิตต่อกันด้วยความจริงใจฐานมิตร ดังนั้นการแผ่เมตตาจึงได้แก่การส่งกระแสจิตของตนไปสู่ผู้อื่นทั้งที่เป็นเทวดา มนุษย์ และสัตว์ด้วยความหวังดีที่จะให้เขามีความสุข ได้รับความสมหวังในชีวิต เป็นการแสดงออกซึ่งน้ำใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมของผู้แผ่เมตตา
การแผ่เมตตา ผู้ได้รับเมตตาจิตนั้นแล้วก็จะพลอยมีจิตอ่อนโยน เยือกเย็น และได้พบกับความสุขทางใจไปด้วย ด้วยเหตุแห่งการแผ่เมตตาไปยังเพื่อนมนุษย์เช่นนี้จึงทำให้มนุษย์และสัตว์ อยู่กันด้วยความมีน้ำใจดีต่อกัน รักใคร่กันฉันพี่น้อง และหันหน้าเข้าหากันด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ทำให้อยู่กันด้วยความอบอุ่นไว้วางใจกัน ปราศจากความระแวกันและกัน เป็นเหตุให้ไม่เบียดเบียนกันแต่จะอุดหนุนเกื้อกูลกันและกันด้วยน้ำใสใจจริง
บทแผ่เมตตาให้ตัวเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ
อะหัง นิททุกโข โหมิ
อะหัง อะเวโร โหมิ
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ
ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด
ให้ทำหลังจากทำบุญ หรือสวดมนต์ หรือเจริญสมาธิวิปัสสนากรรมฐานแล้ว
ข้าพเจ้าชื่อ……. นามสกุล……. ในภพชาติปัจจุบันนี้ได้เกิดมาใหม่ในตระกูล (บอกนามสกุล)…………. ข้าพเจ้าขอระลึกถึงคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ และขอให้พระแม่ธรณี เทพเทวา ทุกท่านทุกพระองค์ โปรดเมตตากรุณา มาร่วมอนุโมทนาบุญ พร้อมกับเป็นทิพย์พยานในการอธิษฐานจิตแผ่เมตตา ในคราวครั้งนี้ของข้าพเจ้าด้วยเถิด
ด้วยอานิสงส์จากการสมาทานศีล 5 และผลบุญที่ข้าพเจ้าได้เคยปฏิบัติเคยสร้างมา เคยสำเร็จในบุญกุศลนั้นๆ แล้ว ในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี และในคราวครั้งนี้ก็ดี ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนำส่งให้กับข้าพเจ้าเองในปัจจุบันนี้ ให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ทั้งภายในและภายนอก ปราศจากโรคภัยทั้งปวง มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน มีพร้อมสมบูรณ์ไปด้วยเงินทองและปัจจัย 4
ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญกุศล นำส่งให้กับดวงจิตทุกท่าน ที่สืบสายเลือดตระกูลของข้าพเจ้า ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือละสังขารไปแล้วก็ตาม จงได้รับกุศลผลบุญทันทีโดยทั่วกัน ณ เวลานี้ ผู้ที่มีทุกข์จงพ้นจากความทุกข์นานาๆ ทั้งปวงทันที ผู้ที่มีความสุขอยู่ก็จงมีความสุขในทุกด้านโดยทันที
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้กับสัมมาอาชีพทุกอาชีพที่บุคคลในตระกูลของข้าพเจ้าได้กระทำเพื่อใช้เลี้ยงดูครอบครัวสืบต่อกันมาจนถึงตัวข้าพเจ้าเอง
หากการประกอบสัมมาอาชีพของตระกูลข้าพเจ้าและการประกอบสัมมาอาชีพของข้าพเจ้าเอง ทั้งที่ตั้งใจก็ดีและไม่ได้ตั้งใจก็ดี ที่ทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความทุกข์กาย ทุกข์ใจ ทุกข์ในปัจจัย 4 และทุกข์ในความเป็นอยู่ หรือสร้างความทุกข์ทรมานใดๆ ให้กับทุกท่าน
ข้าพเจ้าผู้เป็นลูกเป็นหลานก็ขออโหสิกรรม พร้อมทั้งขอแผ่เมตตา อุทิศบุญกุศลในคราวครั้งนี้ นำส่งให้กับดวงจิตของท่านทั้งหลายที่ได้กล่าวมาทุกท่าน เมื่อได้รับแล้วโปรดเมตตาให้อภัยทานอโหสิกรรม ปลดปล่อยสัญญากรรม ให้กับตระกูลของข้าพเจ้า ตัวของข้าพเจ้า ครอบครัวของข้าพเจ้าทุกคนด้วยเถิด
ขอให้ตั้งใจทำและหมั่นทำเป็นประจำเพราะก่อนชีวิตจะรุ่งเรืองมารมันจะมาสกัดทุกรูปแบบ ที่จะให้เลิกทำแม้คุณ จะถูกกดดันด้วยเรื่องการเงินอย่างไรก็ขอให้อดทนอย่าท้อ ถ้าทำงานมีธุรกิจก็แผ่ให้ธุรกิจ บริวาร ลูกค้า ที่มาติดต่อ แผ่ไปเลยให้ครอบคลุมบริษัทเรา ให้เพื่อนร่วมงานด้วย ให้เจ้านาย ฯลฯ ทุกวันเป็นประจำ ถ้าแผ่เมตตาด้วยพลังงานจิตที่ดี ทำทุกอย่างที่เป็นบุญถึงจะทำให้ชีวิตรุ่งเรืองเร็ว…และถึงขอพรให้ตัวเอง
ท่านสอนว่า การแผ่เมตตานั้นควรแผ่ให้ตนเองก่อน คือต้องปรารถนาความสุขให้แก่ตัวเองเสียก่อนโดยวิธีสร้างความรักตัวเองในทางที่ถูกที่ควร คือไม่ทรมานตัวเองด้วยการกระทำ ด้วยความคิดที่ผิด ๆ ทำตัวเองให้มีอำนาจทางจิตด้วยความดีเสียก่อน แล้วค่อย ๆ ขยายวงเมตตาออกไปยังผู้อื่น สัตว์อื่น ตามลำดับ แม้ผู้นั้นจะเป็นผู้ที่ตนไม่ชอบหรือเป็นศัตรูกันก็ตาม เพราะถ้าหากสามารถแผ่เมตตาไปให้แก่ผู้ไม่ถูกกันได้ นั่นแสดงว่าผู้นั้นได้ยกระดับจิตให้พ้นจากอำนาจความโกรธเคืองหรือความอิจฉาริษยาได้แล้วด้วยเมตตา เพราะเมตตานี้เป็นเครื่องกำจัดกิเลสคือ โกธะ
ความโกรธ โทสะ ความประทุษร้าย อรติ ความไม่ชอบใจด้วยอำนาจของความอิจฉาริษยาเสียได้ ต่อไปตัวเองก็จะประสบความสุขความสงบทางใจ ไม่มีความเดือดร้อนใจ ไม่มีความกระวนกระวายใจอะไรต่อไปอีก เพราะปล่อยวางความโกรธความไม่พอใจเสียได้แล้ว ซึ่งผิดกับตอนที่ยังโกรธอยู่ ยังอิจฉาริษยาเขาอยู่ ในตอนนั้นจิตใจจะมีแต่ความร้อนรุ่มกลุ้มอก กระวนกระวายใจ และไม่เป็นอันกินอันนอนอย่างเห็นได้ชัด
วิธีที่ท่านสอนมา ท่านให้แผ่เมตตาทุกวัน อย่างน้อยก็ก่อนนอนทุกคืน ถ้าสามารถทำให้มากครั้งต่อวันได้ก็ยิ่งจะเป็นกำไรชีวิต เช่น นึกแผ่เมตตาทุกอิริยาบถ ขณะเดินไปตามถนนหนทาง ขณะนั่งรถไปทำงาน ขณะเดินทางไปต่างจังหวัด หรือขณะนั่งพักผ่อน ณ ที่ใดที่หนึ่งหลังจากว่างงาน เพราะในขณะนั้นจิตใจจะปลอดโปร่งเหมาะที่จะนึกแผ่เมตตาอย่างยิ่ง
และในขณะนั้นเท่ากับว่าได้ทำกรรมฐานไปในตัวด้วย เพราะการแผ่เมตตานี้จัดเป็นกรรมฐานประการหนึ่ง ที่จะทำให้ใจสงบเย็นลงได้ และจะคอยควบคุมจิตใจให้นึกคิดไปในทางที่ถูกที่ควรได้รวดเร็ว ฉะนั้น แม้ว่าผู้แผ่เมตตาจะทำได้เพียงวันละเล็กวันละน้อย แต่ทำทุกวันจนติดเป็นนิสัย ก็จะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลอย่างหนึ่งเป็นแน่แท้
ขออขอบคุณเว็บ ธรรมจักร
เผยอานิสงส์จากการแผ่เมตตา แม้ในวันที่เเย่ ชีวิตก็จะกลับมาดีได้
Reviewed by Dusita Srikhamwong
on
กันยายน 15, 2562
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: