วิธีทำขนมต้ม รสชาติหวานหอม กลิ่นมะพร้าว เหนียวนุ่ม ละมุนลิ้น




วิธีทำขนมต้ม รสชาติหวานหอม กลิ่นมะพร้าว เหนียวนุ่ม ละมุนลิ้น 

ขนมต้มขาว นุ่มด้วยแป้งข้าวเหนียวที่โรยมะพร้าวขูดผสมเกลือสีขาวสวยงาม ไส้ทำจากมะพร้าวขูดกับน้ำตาลมะพร้าว ได้ความหวานหอมทุกคำที่รับประทาน ขนมชนิดนี้ มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยสุโขทัย เป็นขนมที่ใช้บูชาเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์ ตามคติความเชื่อของพราหมณ์ ใช้ประกอบพิธีสำคัญเพื่อให้กิจการงานรุ่งเรือง และในงานบุญต่างๆ

สูตรนี้ทำตามได้เลยค่ะ ขนมต้มขาว

1. แป้งข้าวเหนียว ½ ถ้วย

2. มะพร้าวขูดสำหรับผัดไส้ 1 ถ้วย

3. มะพร้าวขูดสำหรับไว้คลุกตัวขนม ½ ถ้วย

4. น้ำตาลปี๊บ 2 ปึก/ฝา

5. น้ำใบเตยคั้นประมาณ ½ ถ้วย

วิธีทำ : ตามนี้จ้า

1. เทแป้งลงใส่ชามหรือภาชนะขนาดที่จะผสม

2. ค่อยๆ เทน้ำใบเตยลงไป ใช้ไม้พายกวนไปเรื่อยๆ ให้ส่วนผสมเข้ากัน ใช้มือนวดต่อให้เข้ากันแล้วพักไว้

3. ตั้งกระทะผัดไส้ขนมโดยใส่น้ำตาลปี๊บลงไปในกระทะ เติมน้ำลงไปเล็กน้อย ใส่มะพร้าวขูดลงไปผัด ผัดให้มะพร้าวเริ่มแห้งเหนียวสามารถปั้นได้

4. มะพร้าวอีกส่วนที่จะใช้คลุกตัวขนมให้เอาไปนึ่งในซึ้ง แล้วคลุกกับเกลือเล็กน้อย

5. แป้งตัวขนมที่พักไว้นั้นให้เอามาปั้นเป็นก้อนกลมๆ แผ่ออกแล้วใส่ไส้มะพร้าวที่ปั้นเป็นก้อนกลมๆไว้ห่อให้มิดจากนั้นนำไปต้มในน้ำเดือด เมื่อขนมสุกจะลอยขึ้นมา ใช้กระชอนตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำแล้วคลุกกับมะพร้าว รวมรัดตัดตอนตามนี้นะจ๊ะ ง่ายๆแต่ขี้เกียจทำ วันนี้นึกอยากจัดไปพอหายอยาก กินมากไม่ดีเดี๋ยวอ้วนนะจ๊ะ



ประวัติของขนมต้ม ขนมต้มขาว หรือขนมต้มแดง เป็นขนมโบราณตั้งแต่สมัยสุโขทัย นำเข้ามาพร้อมกับศาสนาพราหมณ์ และลัทธิความเชื่อในเรื่องของเทพเจ้า ซึ่งในสมัยนั้นขนมต้มจะถูกนำไปใช้ในพิธีบรวงสรวง สังเวย ไหว้ครู และเป็นขนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย

ด้วยเหตุที่มีความเชื่อกันว่า ขนมต้ม เป็นขนมที่องค์พระพิฆเนศวรทรงโปรดมากที่สุด ถึงขนาดที่กินจนท้องแตกก็ยังกอบเอาขนมที่หกเลอะอยู่ที่พื้นกลับเขาท้องอีกครั้งด้วยความเสียดาย

ขนมต้มจึงเหมือนเป็นขนมที่ใช้ถวายต่อองค์พระพิฆเนศวร เพื่อขอพรจากพระองค์ท่าน ให้ทำกิจการงานต่าง ๆ ประสบผลสำเร็จ ไม่มีอุปสรรคอะไรมากีดขวางนั่นเอง


ที่มา...kubkhao.com


วิธีทำขนมต้ม รสชาติหวานหอม กลิ่นมะพร้าว เหนียวนุ่ม ละมุนลิ้น  วิธีทำขนมต้ม รสชาติหวานหอม กลิ่นมะพร้าว เหนียวนุ่ม ละมุนลิ้น Reviewed by Dusita Srikhamwong on กรกฎาคม 08, 2563 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.