น้ำนิ่งนั้นไหลลึก น้ำลึกย่อมไร้เสียง ( อ่ า น กี่รอบก็ถูกใจ )




น้ำนิ่งนั้นไหลลึก น้ำลึกย่อมไร้เสียง ( อ่ า น กี่รอบก็ถูกใจ ) 

วันนี้เรามีบทความดีๆ มาให้ อ่ า น กับ น้ำนิ่งไหลลึก น้ำลึกไร้เสียง อ ย า ก รู้ว่าเกี่ยวกับอะไรไปดูกันเลยค่ะ

เรื่องมีอยู่ว่าพ่อชวนลูก ออกไปเดินเล่นยังชายป่า พอถึงทางโค้งพ่อหยุดเดินแล้วถามลูกว่า

นอกจากเสียงนกร้องแล้ว ลูกได้ยินเสียงอะไรอีกลูกหยุดเดินแล้วเงี่ยหูฟัง ก่อนจะตอบว่า นอกจากเสียง

นกร้องแล้ว ยังมีเสียงรถม้าวิ่งอยู่พ่อบอกว่าถูกต้องแล้ว และนั่นเป็นรถม้าที่ไม่ได้บรรทุกอะไรลูกแปลกใจ

จึงถามพ่อว่ารู้ได้ไงว่านั่นเป็นรถม้าเปล่า พ่อตอบว่า ฟังจากเสียงก็จะรู้ว่าเป็นรถเปล่าเพราะรถม้ายิ่งว่างเปล่า

เสียงก็จะยิ่งดังพอเด็กน้อยโตขึ้น ทุกครั้งที่เจอคนที่ชอบคุยโม้โอ้อวด พูดจาโอหังชอบตัดบทคนอื่น

ถือตนเป็นใหญ่ ไม่มีใครอยู่ในสายตดูหมิ่นคนอื่น เขามักจะมีความรู้สึกเหมือนพ่อมายืนกระซิบอยู่ข้างหูว่า

รถม้ายิ่งว่างเปล่า เสียงก็จะยิ่งดังคนที่มีความเชี่ยวชาญ ในการเดินข้ามห้วยน้ำลำธาร ก่อนที่จะลุยลงน้ำ

เขามักหยิบก้อนหินขึ้นมา ก้อนหนึ่งแล้วปาไปกลางน้ำ เพื่อเป็นการคาดคะเนความลึกของน้ำละอองน้ำยิ่งกระจาย

สูงขึ้นเท่าไหร่ น้ำในลำธารก็จะยิ่งตื้นเท่านั้นในทางตรงกันข้าม ถ้าละอองน้ำกระเซ็นขึ้นมายิ่งน้อยฉันใด

แล้วยังบวกกับกระแสน้ำที่ไหลเงียบสนิทพึงสังวรได้เลยว่า น้ำจะยิ่งลึกมากขึ้นฉันนั้น จำไว้ น้ำนิ่งไหลลึก

น้ำลึกไร้เสียง รถม้ายิ่งว่างเปล่า เสียงก็จะยิ่งดังคนมีดีแต่ไม่ทำตัวให้โด่ดเด่น ไม่โอ้อวดบารมี ไม่พูดจาข่มเขา

นั่นน่าจะเป็นวิถีของคนจริงหากนำเอาหลักการเหล่านี้มาเปรียบเปรยกับบุคคลที่เราพบเจอ จะสังเกตุได้ว่าคนใจเย็น

เวลาสนทนากับคนอื่น มักจะสามารถหลีกเลี่ยงการ ขั ด แ ย้ ง กับคู่สนทนาและยังสามารถซึมซับรับรู้ถึง

ความคิดเห็นของคนอื่น แทนที่จะดันทุรังเอาแต่ ยั ด เ ยี ย ด ความคิดเห็นตนเป็นใหญ่อยู่ฝ่ายเดียวคนที่ก้าวเดิน

ด้วยความใจร้อน มักมองไม่เห็นตะปูบนพื้นฉันใดคนที่เต็มไปด้วยความ วิ ต ก กังวล ก็ไม่รู้จักรสชาติของวันชื่น

คืนสุขฉันนั้นปฐพีนี้ไม่มีไรใหญ่เกินมหาสมุทร แต่เหนือสุดกว้างใหญ่กว่าคือเวหาแม้นเวหาจะยิ่งใหญ่ครอบจักรวาล

แต่ยังกว้างสู้จิตมนุษย์มิได้เอย

ที่มา...ขจรศักดิ์


น้ำนิ่งนั้นไหลลึก น้ำลึกย่อมไร้เสียง ( อ่ า น กี่รอบก็ถูกใจ ) น้ำนิ่งนั้นไหลลึก น้ำลึกย่อมไร้เสียง ( อ่ า น กี่รอบก็ถูกใจ ) Reviewed by Dusita Srikhamwong on ตุลาคม 03, 2563 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.