ใครที่ชอบกินดูเอาไว้ “สับปะรด” กินประจำส่งผลต่อร่างกายแบบนี้

ใครที่ชอบกินดูเอาไว้ “สับปะรด” กินประจำส่งผลต่อร่างกายแบบนี้

สับปะรด เป็นพืชล้มลุกที่มีต้นกำเนิดมาจากทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ในประเทศไทยอย่างแพร่หลายและหาทานได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป หลายคนชอบทานสับปะรด แต่ยังไม่รู้ว่าประโยชน์ที่แท้จริงของสับปะรดนั้นมีอะไรบ้าง วันนี้เรานำประโยชน์ของสับปะรดมาฝากทุกคนค่ะ

1. ช่วยในการย่อยอาหาร

สับปะรดมีเอ็นไซม์ที่ช่วยในการย่อยอาหารเนื่องจากคุณสมบัติการย่อยสลายของมัน

2. ช่วยต่อสู้กับโรคร้าย

สับปะรดมีวิตามินซีซึ่งเป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสsะที่แข็งแรงที่สุดและสามารถป้องกันการสร้างเซลล์ร้ายที่เรียกว่า “อนุมูลอิสsะ” การศึกษาชี้ว่าสับปะรดยังช่วยป้องกันโรคร้ายในลำไส้ใหญ่และต่อมลูกหมากได้อีกด้วย

3. ช่วยเพิ่มภาวะเจริญพันธุ์

เมื่อรับประทานสับปะรดร่างกายของคนเราก็จะอุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสsะซึ่งช่วยเพิ่มภาวะเจริญพันธุ์

4. ช่วยลดความเหนื่อยล้า

คุณควรรับประทานสับปะรดทุกวันเนื่องจากมันมีแมงกานีสซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยป้องกันเซลล์เสื่อมสภาพและสำคัญต่อการเสริมสร้างพลังงาน

5. ช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส

สับปะรดจะช่วยลดรอยเเดงและการอักเสบแถมยังช่วยเพิ่มคอลลาเจนในร่างกายทำให้ผิวของเรามีความยืดหยุ่นและเรียบเนียนขึ้น

6. อุดมด้วยวิตามินซี

สับปะรดวันละ 1 ถ้วยจะทำให้เราได้รับวิตามินซีมากถึงร้อยละ 131 ดังนั้นคุณควรรับประทานสับปะรดทุกเช้าก่อนไปโรงเรียนหรือทำงาน นอกจากนี้สับปะรดยังให้ธาตุเหล็กและแคลเซียมร้อยละ 2 ตามที่เราต้องการอีกด้วย

7. ช่วยบำรุงหนังศีรษะ

สับปะรดเป็นเหมือนยาสามัญประจำบ้านตามธรรมชาติที่จะทำให้เส้นผมของคุณนุ่มสลวยและหนาขึ้น ดังนั้นคุณควรผสมน้ำสับปะรดคั้นสดกับน้ำมันมะกอกและนมอัลมอนด์ จากนั้นนำมาชะโลมเส้นผมทิ้งไว้ 10 นาทีและล้างออก ทำแบบนี้อย่างน้อย 2-3 ครั้งในหนึ่งสัปดาห์เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน

8. ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน

สารต้านอนุมูลอิสsะในสับปะรดสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันได้อย่างดีเยี่ยม

ทั้งนี้ สับปะรดมากประโยชน์สรรพคุณครบครัน แค่เรากินสับปะรดเพียงวันละ 1 ชิ้นก็ช่วยดูแลสุขภาพในช่องปากได้แล้ว

เพราะวิตามินซีที่มีอยู่มากนั่นเอง แถมอุดมไปด้วยวิตามินต่างๆ และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายซึ่งขาดไม่ได้ เช่น กรดโฟลิก แคลเซียม โพแทสเซียม แมงกานีส แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี ฯลฯ ซึ่งมีส่วนช่วยในการรักษาโsคได้หลายชนิด



แหล่งที่มา : feedsod.com