ปากพ่อแม่เนี่ย ศักดิ์สิทธิ์มาก ชมลูกให้ดีก็ดีตามปาก ด่าลูกให้ชั่ว ก็ชั่วตามปาก

ปากพ่อแม่เนี่ย ศักดิ์สิทธิ์มาก ชมลูกให้ดีก็ดีตามปาก ด่าลูกให้ชั่ว ก็ชั่วตามปาก

พ่อแม่ คือพระในบ้าน และมีค่าที่สุดในชีวิตของลูก หากไม่มีพ่อแม่แล้ว ่ลูกไม่มีวันเกิดมาเป็นคนได้อย่างแน่นอน

“ปากพ่อแม่ พาลูกร่วงหรือลูกรอด”

พอดีอ้อนแฟนมีโอกาสได้อ่านเนื้อหาเกี่ยวกับบทสัมภาษณ์โอปราห์ วินฟรี พิธีกรผิวสีที่โด่งดังและร่ำรวยที่สุดในอเมริกา

เธอเล่าว่าตัวเองเกิดมาในครอบครัวที่ ย า กจน เคร่ง ศ า ส น า ถูกทำ ร้ า ย ร่างกายทาง เ พ ศ ก็หลายหน

แต่เธอเชื่อว่าที่เธอประสบความสำเร็จจากการพูด ด้วยการเป็นนักข่าว พิธีกร เจ้าของรายการทอล์คโชว์ได้นั้น

มันมีสาเหตุ…

ย้อนไปเมื่อตอนเธอเป็นเด็ก เธอหัดเป็นนักพูดในโบสถ์ ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 5 ขวบ ยิ่งพูดก็ยิ่งเก่ง และมักจะได้รับคำชมว่า “เด็กคนนี้มีพรสวรรค์!” เมื่อเธอได้ยินคำชมแบบนี้ได้ยินบ่อยๆเข้า เธอก็เลยเชื่อว่าเธอมีพรสวรรค์จริงๆ!

ฟังๆไปดูเหมือนว่าสิ่งที่โอปราห์มีคือ พรสวรรค์ + การฝึกฝน รวมไปถึงเมื่อชอบ เธอจึงเลือกเรียนทางด้านนี้

มันเลยกลายเป็นสมการ (ที่ขิมคิดเอง) ว่า

พรสวรรค์ + การฝึกฝน + ความรู้จริง = ความสำเร็จ ของโอปราห์

ตัดฉับมาภาคบ่าย

ขิมได้สอนนักเรียนคนนึง

ที่ดูเหมือนจะเรียนไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ ตามไม่ทัน

ตอนแรกในฐานะคนสอน

ก็อดกังวลไม่ได้ว่าเค้าจะเรียนไหวไหมนะ

แต่พอได้ตรวจข้อสอบย่อย ตรวจการบ้านของเค้า

จึงพบว่าความเข้าใจของเค้าใช้ได้

แต่ทำไมท่าทางที่แสดงออกมันจึงขัดกันขนาดนั้น?!?

สอบถามดูว่าหนูโอเคหรือเปล่า

คำตอบที่ได้คือ “หนูไม่อ ย า กเรียนค่ะ”

“แม่หนูชอบเอาหนูไปเปรียบเทียบกับพี่

บอกว่าพี่เก่งกว่า ขยันกว่า หนูไม่ได้เรื่อง

พี่เค้าก็บอกว่าหนูเรียนได้แค่นี้แหละ

จะผ่านหรือเปล่าก็ไม่รู้

นี่พี่รหัสหนูก็ตกวิชานี้

แล้วหนูจะเรียนไหวไหมก็ไม่รู้

หนูกดดัน หนูไม่อ ย า กเรียนแล้ว”

ทุกคำพูดที่น้องเค้าเล่ามา

มีแต่คำพูดลบๆที่ได้รับจากคนรอบข้าง

ส่งพลังดำมืดมามีผลต่อจิตใจ

และความไม่มั่นใจในตัวเองของน้องคนนี้

ไม่ใช่เฉพาะความคิดที่ไม่มั่นใจ

การแสดงออกของน้องก็เช่นกัน

ไม่ว่าจะนั่ง ยืน เดิน น้องเดินด้วยท่าทางคอตก ไม่สบตาใคร

ไหล่โค้งงอ ตัวงุ้มและหยิบจับอะไรแบบกลัวๆกล้าๆตลอดเวลา

ขิมช่วยน้องเค้ายังไง ขออนุญาตไม่เล่าถึง

แต่ที่ยกสองเรื่อง ที่ได้พบในวันเดียวกันมาเล่าให้ได้อ่านกัน

เพราะอ ย า กจะบอกว่า

คำพูดของผู้ใหญ่นั้นมีผลต่อ “ชีวิต” ของเด็กๆรอบตัวเรามากขนาดไหน

ไม่ว่าคุณจะเป็น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ย า ย ลุง ป้า น้า อา ครู พี่เลี้ยง หรือใครที่ได้ใกล้ชิดกับเด็ก

อย่าทำ ร้ า ย กันโดยไม่ได้ตั้งใจ

ด้วยการเปรียบเทียบ ตำหนิซ้ำๆ จี้ใจดำในสิ่งที่พลาด

หัดชมในพฤติกรรมที่ดี

บอกลูกว่าคุณภูมิใจในตัวเค้าแค่ไหน รักเค้าแค่ไหน

ความภูมิใจที่ผู้ใหญ่แสดงออก

ส่งผลให้เด็กๆมีความภูมิใจในตัวเอง

และพ ย า ย า มที่จะทำดียิ่งๆขึ้นไปได้เสมอ

คุณป้าขิมเคยสอนขิมด้วยคำกล่าวของ วินสตัน เชอร์ชิล ว่า…

“ไม่มีใครสิ้นใจจากการกลืนคำพูดที่ไม่ดีของตัวเอง”

ยิ่งเป็นพ่อเป็นแม่ คำพูดของคุณศักดิ์สิทธิ์มาก

กลืนคำพูดเหล่านั้นลงคอ

แล้วให้มันไปโผล่ในบ่อเกรอะ

ดีกว่าให้มันมาเกาะกรังในใจลูก

จนเป็นแผลเป็นในชีวิตตลอดไป

คุณพ่อคุณแม่คงเคยได้ยินคำว่า “คำพูดของพ่อแม่คือวาจาสิทธิ์”

“วาจา + สิทธิ์ = วาจาสิทธิ์ แปลตามศัพท์ว่า “ความสำเร็จโดยวาจา” (แปลจากหลังไปหน้า)

คำนี้ในภาษาไทยมักเข้าใจในความหมายว่า “มีวาจาที่ศักดิ์สิทธิ์” คือ พูดอะไรไว้สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นจริงตามที่พูด

คนเก่าแก่กล่าวไว้ว่า ปากพ่อปากแม่เป็น “ปากศักดิ์สิทธิ์” พูดให้ลูกเป็นอะไรก็ได้ จึงมีคำเตือนพ่อแม่ไว้ว่า อย่าแช่งด่าลูก จะเป็นจริงดังปากพ่อแม่

วันนี้ อ้อนแฟนมีเหตุผลทางจิตวิท ย า การเลี้ยงดูมาเล่าให้คุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครองทราบอย่างถ่องแท้ถึงอิทธิพลการใช้คำพูดของพ่อแม่ที่ส่งผลถึงจิตใจ ความคิด และพฤติกรรมของลูกอย่างจับต้องได้กันนะคะ

“เด็ก” เป็นสิ่งมีชีวิตที่ใหม่กับโลกใบนี้ ตัวตนและจิตใจของเขายังไม่มั่นคง เขาต้องพึ่งพาอาศัยพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดู ความรัก ความผูกพันจึงบังเกิดขึ้นในหัวใจเด็ก ในขณะเดียวกัน เขาก็อ ย า กให้ตนเองเป็นที่รักของผู้เลี้ยงดูด้วย

ผู้เลี้ยงดูจึงมีความหมายมากมายเหลือเกินต่อจิตใจของเด็กคนหนึ่ง คำพูด การกระทำของผู้เลี้ยงดูที่มีต่อเด็กนั้นมีอิทธิพลยิ่งใหญ่ที่จะให้เขาเดินหน้าไปอย่างไร้ขอบเขตหรือหยุดนิ่งอยู่กับที่ แย่ไปกว่านั้น คือ ทำให้เด็กคนหนึ่งถอยหลังก็มีให้เห็นอยู่มากมายในชีวิตจริง

หากเด็กคนหนึ่งเติบโตขึ้นมากับคำพูดเชิงลบ ด่าทอ ตำหนิ ชิงชัง และเปรียบเทียบอยู่เป็นประจำ เช่น “เก่งสู้คนอื่นไม่ได้เลย” “ไม่ฉลาดเอาซะเลย” “คนเก่งจริงเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอก” เด็กก็จะเกิดความสงสัยว่าเขาไม่มีศักยภาพจริงๆตามที่ผู้เลี้ยงดูได้บอกกับเขา แม้ว่าแท้จริงแล้ว เด็กคนนี้จะเป็นคนที่มีศักยภาพมากก็ตาม

แต่เด็กก็จะน้อมรับสิ่งที่ผู้ใหญ่รอบตัวมี “วาจาสิทธิ์” กับเขา และคิดว่าเขาเป็นแบบนั้นจริงๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ตัวตนของเด็กคนหนึ่งถูกทำลายกัดกร่อนทุกวันไปมากเพียงใด และท้ายสุดก็เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองมีดีอะไร เพราะ ไม่เคยมีใครบอกว่าเขามีอะไรดี

ขอแค่ 5 วาจาสิทธิ์เบื้องต้นที่พ่อแม่ควรพูดกับลูก ครูเชื่ออย่างยิ่งว่า

“ไม่มีเด็กคนไหนไม่ชอบคำชม”

“ไม่มีเด็กคนไหนไม่ชอบคำพร”

“ไม่มีเด็กคนไหนไม่ชอบคำขอบคุณ”

“ไม่มีเด็กคนไหนไม่ชอบคำขอโทษ”

และ “ไม่มีเด็กคนไหนไม่ชอบคำรัก”

อ ย า กให้ลูกเป็นอย่างไร พูดกับเขาเชิงบวกด้วยความจริงใจ แล้วท่านจะได้รับสิ่งที่ดีกลับมาค่ะ


ที่มา...onnfan.com