เหตุผลที่พ่อแม่ควรเลี้ยงลูกให้รู้จักความลำบาก ไม่ใช่เลี้ยงเหมือนดั่งไข่ในหิน





เหตุผลที่พ่อแม่ควรเลี้ยงลูกให้รู้จักความลำบาก ไม่ใช่เลี้ยงเหมือนดั่งไข่ในหิน

ในสังคมปัจจุบันนั้น พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกเหมือนไข่ในหิน กลัวลูกเหนื่อย กลัวลูกจะลำบาก เลยพยายามทำทุกอย่างไว้ให้ลูก ไม่ให้รู้จักความลำบาก ไม่ให้ไขว่คว้า หรือพยายามทำอะไรด้วยตัวเอง เหมือนดั่งเรื่องเล่าของสองครอบครัวนี้

ครอบครัวแรก

พ่อแม่เป็นหนี้จากธุรกิจเกือบ 20 ล้าน พ่อสู้ทุกอย่าง ทำงานอย่างหนัก พยายามให้ครอบครัวปลดหนี้

ส่วนลูกชาย เช้าไปเรียนมหาวิทยาลัย บ่ายขึ้นห้องเปิดแอร์เล่นเกม เย็นนัดเพื่อนกินข้าว

พ่อแก่ลงทุกวัน ส่งของไม่ทัน โทรตามให้ลูกชายมาช่วย ลูกรับสายบอกพ่อว่า “ทำไมป๊าไม่รับสมัครคนงานล่ะ” แล้ววางสายนั่งเล่นเกมส์ต่อ ชีวิตไม่สนใจหรือคิดช่วยอะไร วันๆไม่ไปคอนเสิร์ต ก็ไปซิ่งรถ หรือไม่ก็เข้าโต๊ะสนุ๊ก

พ่อแม่ทำงานงกๆ ไม่สนใจ สุดท้าย…วันพ่อจากโลกไป พร้อมทิ้งหนี้และภาระไว้

แม่หมดหนทางจึงนำลูกไปฝากญาติ ส่วนตัวเองละทางโลกโกนหัวบวชชี บ้านที่อยู่ รถที่มี แบงค์ยึดหมด ของแต่งรถบิ๊กไบค์ก็ถอดโพสต์ขายหาเงินจ่ายค่าเทอม สุดท้ายไม่มีเงินเรียน ต้องลาออกกลางคัน หันไปหาใครก็หายหนี ขอความช่วยเหลือ เพื่อนก็หายหมด จากลูกค้าขาประจำร้านกลับต้องกลายไปเป็นลูกจ้างเฝ้าร้านเกมส์

ครอบครัวที่สอง

บ้านตั้งอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน รวยร้อยล้านยังนั่งค้าขายด้วยตัวเอง ลุกตีสี เปิดตีห้าอยู่ทุกวัน ลูกขยันช่วยพ่อแม่ทำทุกทาง เช้าไปเรียน เขียนอ่านหาความรู้ บ่ายถึงบ้าน แบกลังยกของ ทำงานระดับเดียวกับกรรมกร เย็นปิดร้านทำการบ้าน กลางคืนอ่านเขียนเรียนเพิ่มเติม

คนงานขาด ญาติป่วยลากลับบ้าน ลูกบ้านนี้รีบโทรไปลาอาจารย์ บอกขอช่วยงานป๊าที่บ้านก่อน ปัจจุบันบ้านนี้มีเงินเป็นร้อยล้าน ลูกบ้านนี้มีทุกอย่างที่อยากมีอยากได้สมปรารถนา ถึงเวลาเรียนจบ ก็เป็นคนดีของสังคม

คุณเห็นลูกนกที่อ้าปากตัวนี้ไหม ลูกนกถูกแม่นกป้อนอาหารจนเกินพอดี

ด้วยความเคยชินเมื่อมันโตขึ้น ออกไปหาอาหารเอง จึงคิดว่าหนอนจะเดินเข้าปากมันเอง สะท้อนให้เห็นถึงสังคมปัจจุปันที่เลี้ยงลูกให้ไม่รู้จักช่วยเหลือตัวเอง

ลูกเหมือนแก้วเปล่า เหมือนผ้าขาว อย่างที่โบราณว่าไว้จริงๆ เราเทอะไรลงไปในแก้วนั้น เราเอาสีอะไรไปป้ายผ้าผืนนั้น พฤติกรรมของลูก ลักษณะนิสัยของลูก บ่งบอกถึงคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่กลัวลูกจะลำบาก ไม่ให้ลูกหยิบจับทำงานอะไรหนักๆ ก็โตมาเหมือนลูกบ้านแรก

อยากให้ลูกสุขสบาย สุดท้ายโตมาทำอะไรก็ไม่เป็น ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ เพราะไม่เคยทำอะไรจริงๆจังๆสักอย่าง อยากให้ลูกสบายวันนี้ลำบากวันหน้า หรือยากให้ลูกลำบากวันนี้สบายวันหน้า ก็อยู่ที่คนเป็นพ่อเป็นแม่นี่เอง

บางคนเลี้ยงลูกให้เป็นเทวดา แตะต้องไม่ได้ ตักเตือนไม่ได้ ลูกคุณจะโตมาด้วยความคิดผิดๆ และสุดท้ายจะตามมาด้วยชีวิตแย่ๆ

เราไม่สามารถอยู่ได้ถึงร้อยปี เราไม่มีทางอยู่แก้ปัญหาหรือทำอะไรให้เขาไปตลอดได้ เพราะฉะนั้นให้เขาร้องให้ให้ดังที่สุดในวันนี้ ในวันที่คุณอยู่แนะนำเขาได้ ให้เขาล้มเหลวในวันที่ยังไม่สาย ให้เขาแพ้พ่ายในวันที่ยังมีคุณเป็นพี่เลี้ยง

อยากได้ลูกแบบไหน คุณก็เลี้ยงเขาแบบนั้นแหละ

ผมชอบครอบครัวนึงมาก ลูกทุกคนมีหน้าที่ในบ้านกันหมดทุกคน บ้างก็ล้างจาน บ้างก็กวาดบ้าน บ้างก็ซักผ้า ใครไม่ทำไม่ให้กินข้าว ไม่ให้เงินไปโรงเรียน

ที่ทำอย่างนี้เพราะในโลกแห่งความจริงไม่มีใครยื่นเงินให้เราฟรีๆ ไม่มีใครให้ข้าวให้ที่พักเราฟรีๆ ทุกคนต้องทำงาน

เลือกเอาครับ อยากให้ลูกคุณเป็นแบบลูกบ้านแรกหรือบ้านที่สอง ก็อยู่ที่คุณ ลูกคือผลการกระทำของคุณ

ที่มา : เรื่องที่อยากรู้


เหตุผลที่พ่อแม่ควรเลี้ยงลูกให้รู้จักความลำบาก ไม่ใช่เลี้ยงเหมือนดั่งไข่ในหิน เหตุผลที่พ่อแม่ควรเลี้ยงลูกให้รู้จักความลำบาก ไม่ใช่เลี้ยงเหมือนดั่งไข่ในหิน Reviewed by Dusita Srikhamwong on ตุลาคม 07, 2563 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.