แต่อีกหลายคนเข้าขั้นวิกฤ ติ เพราะถูกเลิกจ้าง กลายเป็นคนตกงานโดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดความตระหนกในตอนแรก
แต่ก็ขอให้มี “สติ” เพื่อหาหนทางให้ชีวิตผ่านไปได้ อาจดูเหมือนว่าเป็นคำสวยงาม แต่ถ้ามีสติจะทำให้การตัดสินใจอะไรหลายอย่างถูกต้องและรอดพ้นจากช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเมื่อมีสติ ก็สามารถนำมาจัดการกับเรื่องเงินทองได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะเมื่องานหาย เงินก็หดตามไปด้วย จากที่เคยมีเงินเข้ามาทุกเดือนก็ไม่มี ขณะที่รายจ่ายยังมีอยู่แถมอาจมีเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งตอนนั้นผู้เขียนมีการจัดการด้วยวิธีง่ายๆ
1.สำรวจเงินสด
เงินสด หมายถึง เงินที่สามารถเบิกถอนมาใช้จ่ายได้ทันที ดังนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเงินที่ฝากไว้ในบัญชีออมทรัพย์
และกองทุนรวมตลาดเงิน โดยตรวจดูว่ามีจำนวนเท่าไหร่
2.เงินฉุกเฉิน
โดยปกติแล้ว ทุกคนควรมีเงินก้อนหนึ่งที่เก็บเอาไว้ใช้ตอนฉุกเฉิน โดยผู้เขียนก็มีเงินสำรองฉุกเฉิน 3 เดือนของค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน
วิธีการให้สำรวจว่าตัวเองมีค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนเท่าไหร่ โดยนำเงินเดือนมาคำนวณ เช่น เงินเดือน 20,000 บาท
มีค่าใช้จ่ายราว 10,000 บาท สมมติว่า อยากมีเงินออมสำรองฉุกเฉิน 3 เท่าของค่าใช้จ่าย
ก็นำ 10,000 มาคูณ 3 แสดงว่าควรมีเงินไว้ใช้ยามจำเป็น 30,000 บาท
3.เงินชดเชย
เมื่อถูกบอกเลิกจ้าง ก็จะได้เงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ซึ่งต้องดูว่าได้จำนวนเท่าไหร่ จากนั้นให้นำไปฝากไว้ในบัญชีออมทรัพย์
ส่วนเงินที่อยู่ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แนะนำว่าไม่ควรนำออกมา เพราะถ้านำออกมาจะต้องจ่ายภาษี ควรเป็นสมาชิกต่อไป
ยกตัวอย่าง ในเบื้องต้นต้องรู้ว่าตัวเองทำงานกับบริษัทแห่งนี้กี่ปี หรือเมื่อถูกนายจ้างเลิกจ้างจะมีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่าไหร่
ถ้าทำงานติดต่อกันครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน
ถ้าทำงานติดต่อกันครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน
ถ้าทำงานติดต่อกันครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ 6 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วัน
ถ้าทำงานติดต่อกันครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 240 วัน
ถ้าทำงานติดต่อกันครบ 10 ปี แต่ไม่ครบ 20 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน
ถ้าทำงานติดต่อกันครบ 20 ปี ขึ้นไป มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 400 วัน
4.หนี้สิน
จดข้อมูลหนี้สินทุกประเภทที่ต้องจ่าย โดยให้ทำเป็นตารางให้ชัดเจนว่าแต่ละงวดต้องจ่ายหนี้อะไรบ้าง
จำนวนเงินและดอกเบี้ยเท่าไหร่ สิ้นสุดปีไหน สถาบันการเงินอะไร เป็นต้น จากนั้นเรื่องที่ต้องจัดการ คือ หนี้สิน โดยติดต่อกับเจ้าหนี้
(ส่วนใหญ่เป็นธนาคาร) เพื่อขอปรึกษาขอผ่อนผันจ่ายหนี้ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายระหว่างที่กำลังหางานใหม่
5.ประกันสังคม
เมื่อกลายเป็นผู้ตกงาน สิ่งที่ต้องทราบ คือ สิทธิประโยชน์ของประกันสังคมที่จะได้มีอะไรบ้าง ก็ต้องรวบรวบข้อมูล ศึกษาเงื่อนไขในเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม
จดคำถาม จากนั้นให้ติดต่อปรึกษากับเจ้าหน้าที่ หรือถ้าสะดวกควรเดินทางไปสำนักงานประกันสังคมการติดต่อสำนักงานประกันสังคม
เพื่อสอบถามข้อมูลว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เช่น เมื่อยื่นเอกสารเสร็จเรียบร้อยก็จะมีจดหมายนัดให้ไปรายงานตัวเดือนละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 6 ครั้ง (6 เดือน)
หากลืมรายงานตัวในเดือนไหนก็จะไม่ได้เงินทดแทนในเดือนนั้น ต้องสอบถามสำนักงานประกันสังคมว่าการรายงานตัวใช้ช่องทางไหน
โดยผู้ถูกเลิกจ้างก็จะได้เงินทดแทนในระหว่างการว่างงานจากประกันสังคมปีละไม่เกิน 180 วัน อัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเดือนล่าสุด
โดยมีฐานเงินเดือนสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท เช่น เงินเดือน 10,000 บาท จะได้รับเงินเดือนละ 5,000 บาท
แต่ถ้าเงินเดือนตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป จะได้รับเดือนละ 7,500 บาทเช่นกัน
ที่มา...forlifeth.com
5 สิ่งต้องเช็ก เมื่อตกงาน ตั้งสติแล้วทำตามนี้
Reviewed by Dusita Srikhamwong
on
พฤศจิกายน 17, 2563
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: