ค ว า ม ลั บ ต้องรู้คนเดียว เมื่อมีคนที่สองรู้นั่นจะไม่ใช่ ค ว า ม ลั บ




ค ว า ม ลั บ ต้องรู้คนเดียว เมื่อมีคนที่สองรู้นั่นจะไม่ใช่ ค ว า ม ลั บ

ความลับ คือสิ่งที่ท่านเสพย์รับเพียงลำพังมันอาจบันดาลความสุขสันต์หรรษา อาจนำมาซึ่งความเจ็บปวดรวดร้าวแก่ท่าน มิว่ามันคืออะไร ล้วนเป็นของท่านคน



เดียวมันหากเป็นความรวดร้าวขมขื่น ท่านมีแต่แบกรับเพียงลำพัง หากเป็นความสุขหฤหรรษ์ ก็อย่าได้แบ่งปันแก่บุคคลอื่น แม้กระทั่งกับสหายเนื่องเพราะหากมี

“บุคคลที่สอง” ล่วงรู้”ความลับ”ของท่าน ก็ไม่อาจนับเป็น “ความลับ” แล้ว

การทำดีที่ไม่ใช่การเอาหน้า

การทำดีนั้นไม่จำเป็นและไม่ควรไปทวงบุญคุณกับใคร ในเมื่อตอนทำเราทำด้วยใจ เพราะฉะนั้นแล้วคุณก็ไม่ควรไปโอ้อวดให้ใครฟัง ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วจะกลาย

เป็นการทำให้คนอื่นมองคุณเป็นคนชอบอวด ไม่จริงใจ หรือทำอะไรหวังผล หากคุณยังรู้สึกว่าการทำดีนั้นควรต้องพูดให้คนอื่นได้รับรู้ คุณต้องลองกลับมาทบทวนตัวเองว่าจริงๆแล้วที่เราทำดีนั้น ทำเพื่ออะไรกันแน่ บริสุทธิ์ใจที่จะช่วยหรือทำเพียงต้องการได้รับความชื่นชมเท่านั้นเอง

ไม่ควรโอ้อวดสิ่งที่คุณกำลังทำ

สิ่งที่คุณคิดจะทำควรเก็บเป็นความลับจนกว่าจะทำมันสำเร็จเรียบร้อยไปก่อน เพราะในทุกๆการวางแผนนั้นจะมีจุดที่คุณยังคาดไม่ถึง แต่ถ้าหากมีคนหลายคนจ้องจับผิดคุณนำจุดบอดเหล่านั้นหยิบยกขึ้นมาประเด็น อาจจะทำให้คุณเกิดความท้อแท้ที่จะเอาชนะอุปสรรคและไม่สำเร็จไปถึงอนาคตที่มุ่งหมาย

ช่วงเวลาที่คุณได้แสดงความกล้าหาญหรือได้ช่วยใครเอาไว้

การเล่าถึงความกล้าหาญหรือสิ่งที่เราได้ช่วยผู้อื่นไว้นั้นในครั้งแรกอาจเป็นการบoกกล่าวถึงเรื่องราวต่างๆที่เราได้ทำมาแต่ในทางกลับกันถ้าเราพูดหลายๆครั้งอาจกลายเป็นการโอ้อวด หรือบางคนอาจจะคิดว่าเราต้องการได้รับคนชมหรือเยินยาจากสิ่งที่เราได้ทำลงไปได้

ปัญหาครอบครัว

ไม่ว่าใครล้วนมีปัญหาครอบครัวทั้งนั้น ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ แต่สุดท้ายแล้วคือเรื่องภายในครอบครัวของเรายิ่งคนอื่นรู้เรื่องราวความลับภายในครอบครัวเราน้อย

มากเท่าไหร่ เราจะยิ่งเข้มแข็งได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะการแก้ปัญหาภายในครอบครัวนั้นต้องแก้ด้วยความรักความเข้าใจ ยิ่งคุณเอาเรื่องราวที่มีปัญหากันไปบ่นหรือไประบายกับผู้อื่นฟังมากเท่าไหร่คุณจะยิ่งทำให้ปัญหาเหล่านั้นแก้ยากและแก้ไม่ได้

การพูดถึงหรือแสดงความไม่พอใจต่อเรื่องราวที่คนอื่นทำต่อคน

การที่เรานำเรื่องราวที่คนอื่นทำไม่ดีต่อเราไปเล่าให้เขาฟังไม่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น เช่นเดียวกับคนที่ทำเสื้อผ้าคุณเลอะแล้วคุณไม่พอใจและยังบ่นๆนั้นแปลว่า ใจ

คุณนั้นก็จะเลอะตามเสื้อผ้าของคุณไปด้วย แต่ถ้าคุณเป็นคนเก็บทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณไม่พอใจไว้กับตัวเองก็ไม่ต่างกับคนที่ใส่รองเท้าย่ำที่เลอะๆย่ำเข้าบ้านซึ่งถ้า

เป็นแบบนั้นบ้านก็จะไม่มีทางสะอาดได้ ดังนั้น การที่คุณนำเรื่องราวที่คุณไม่พอใจไปบ่นเล่าให้กับคนอื่นถึงเรื่องที่ทำให้คุณไม่พอใจอย่างนั้นซ้ำๆ จะทำให้ไม่เกิด

ประโยชน์แล้วคุณยังเกิดความหงุดหงิดในใจ คุณรู้ไหมว่าชีวิตเราก็สั้นพอแล้ว คุณจะมานั่งเสียเวลาหงุดหงิด บ่นในสิ่งที่ควรแก้ไขไม่ได้อีกทำไม

โอ้อวดไลฟ์สไตล์ส่วนตัว

การที่เราโอ้อวดถึงสิ่งที่เราทำโดยการเปรียบกับคนอื่นแล้วนั้นนั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย การที่คุณพยายามบ่งบoกว่าคุณทำอะไรบ้างในแต่ละวัน ใช้ชีวิตแบบไหนกับคนทั่ว หรือคุยโวว่าตอนนี้น้ำหนักฉันลงไปแล้วกี่กิโลกรัม หลายคนอาจคิดว่าคุณต้องการคำชม หรือบางทีอาจทำให้รู้สึกเหมือนเป็นการกดดันทางอ้อมจากคุณก็ได้

ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องพูดคุยหรือแสดงความคิดเห็น

เราไม่จำเป็นต้องพูดทุกอย่างที่เราคิด บางครั้งความคิดเห็นที่เราคิดว่าดี เป็นประโยชน์กับคนอื่นแต่คนคนนั้นอาจไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นคำแนะนำ หรือคำวิจารย์ที่เราคิดว่าจริงใจแค่ไหนแต่คนรับฟังอาจไม่ได้คิดแบบเดียวกันและความคิดเราอาจเป็นส่วนน้อยไม่ได้พูกต้องเสมอไป


ที่มา...beautyoflifes.com


ค ว า ม ลั บ ต้องรู้คนเดียว เมื่อมีคนที่สองรู้นั่นจะไม่ใช่ ค ว า ม ลั บ ค ว า ม ลั บ ต้องรู้คนเดียว เมื่อมีคนที่สองรู้นั่นจะไม่ใช่ ค ว า ม ลั บ Reviewed by Dusita Srikhamwong on กุมภาพันธ์ 16, 2563 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.